1.รักษาสิว

น้ำมันดอกคำฝอยอุดมไปด้วยกรดไลโนเลอิก ซึ่งคิดเป็นประมาณ 70% ขององค์ประกอบทั้งหมด  ซึ่งมันเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับคนที่มีสิว หากร่างกายมีระดับของกรดไลโนเลอิกต่ำ เราสามารถพบโปรตีนชนิดนี้ได้ในผิว ผม และเล็บ ส่งผลให้เกิดการสะสมของเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว และทำให้รูขุมขนอุดตันจนนำไปสู่การเกิดสิวได้ในที่สุด อย่างไรก็ดี มีงานวิจัยพบว่า การทากรดไลโนเลอิกเป็นเวลาหนึ่งเดือน ทำให้รูขุมขนที่อุดตันหรือสิวที่มองเห็นไม่ได้ด้วยตาเปล่าเล็กลงประมาณ 25% ดังนั้นคุณสามารถรับมือกับสิวโดยใช้น้ำมันดอกคำฝอยเช็ดผิวก่อนที่มันจะกลายเป็นสิวหัวดำหรือสิวหัวขาว

2.ทำให้สีผิวกระจ่างใสขึ้น

เมื่อผิวสัมผัสกับแสงแดด เม็ดสีที่เรียกว่า “เมลานิน” จะเพิ่มขึ้น ซึ่งเมลานินมีหน้าที่ปกป้องผิวจากรังสียูวี และทำให้ผิวของเราเข้มขึ้น แต่มีงานวิจัยพบว่า กรดไลโนเลอิกมีสารที่ช่วยให้ผิวสว่างขึ้น ซึ่งสามารถยับยั้งการผลิตเมลานิน และลดจุดด่างดำที่เกิดจากรังสียูวี แถมยังช่วยเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวด้านนอกสุด หรือ Stratum Corneum ส่งผลให้เมลานินถูกกำจัดออกไป นอกจากนี้วิตามินอีที่พบได้ในน้ำมันดอกคำฝอยยังช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด เพราะมันมีคุณสมบัติช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากกระบวนการออกซิไดซ์เกินสมดุล ดังนั้นใครที่ตอนนี้มีผิวแทนมากเกินไปหลังจากนอนอาบแดด การใช้น้ำมันดอกคำฝอยก็อาจช่วยให้สีผิวจางลงและทำให้สีผิวมีความสม่ำเสมอ

3.รอยเหี่ยวและผิวแห้ง

มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า ผู้หญิงวัยกลางคนชาวอเมริกันที่ทานอาหารที่มีกรดไขมันไลโนเลอิกสูงมีผิวดีขึ้น ซึ่งผิวจะแห้งและมีรอยเหี่ยวย่นน้อยลง ดังนั้นการใช้น้ำมันดอกคำฝอยก็อาจช่วยให้คุณมีใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น นอกจากนี้น้ำมันดอกคำฝอยยังมีวิตามินอี ซึ่งเป็นสารแอนตี้ออกซิเด้นท์ที่ช่วยชะลอความชราและลดรอยเหี่ยวย่นที่ผิว ทั้งนี้น้ำมันดอกคำฝอย 100 กรัม มีวิตามินอีประมาณ 34 มิลลิกรัม ซึ่งเกินกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวันถึง 200% นอกจากคุณจะนำน้ำมันดอกคำฝอยมาทำอาหารแล้ว คุณก็อาจนำมาใช้เป็นสกินแคร์ทุกสัปดาห์ เช่น คุณอาจนำน้ำมันดอกคำฝอยมาผสมกับส่วนผสมอื่นเพื่อใช้มาสก์หน้า ซึ่งมันจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวเช่นกัน

4.ช่วยรักษาบาดแผล

งานวิจัยพบว่า กรดไลโนเลอิกทั้งในรูปแบบของยาทาหรือยาสำหรับทานช่วยรักษาบาดแผลได้ ซึ่งมีงานวิจัยที่ทำกับสัตว์พบว่า การทากรดไลโนเลอิกจะช่วยเพิ่มการสมานแผล รวมถึงเพิ่ม DNA และโปรตีนของบาดแผล งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งที่ทำกับหนูที่เป็นโรคเบาหวานพบว่า การกินกรดไลโนเลอิกทำให้มีการสร้างเส้นเลือดใหม่ และช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น

5.ป้องกันผิวและช่วยให้ทำงานดีขึ้น

หการทาหรือทานกรดไลโนเลอิกสามารถแก้ปัญหาอาการแพ้ฝุ่น ละอองเกสร ผื่นแพ้บางชนิดและช่วยฟื้นฟูการทำงานของเกราะป้องกันผิว อย่างไรก็ตาม การมีกรดไขมันจำเป็นที่ผิวไม่สมดุลนั้นยังส่งผลอื่นๆ ต่อร่างกาย เช่น การมีผมขาว หัวล้าน มีปื้นสีแดงที่ตกสะเก็ดบนหนังศีรษะ เป็นต้น ซึ่งมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า การทาน้ำมันดอกคำฝอยสามารถช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้

อย่างไรก็ตาม หากคุณแพ้ พืชในตระกูล Asteraceae น้ำมันดอกคำฝอยอาจเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับคุณ นอกจากนี้ให้คุณลองทดลองใส่น้ำมันดอกคำฝอยเพียงเล็กน้อยในอาหารก่อนที่จะเริ่มทานเป็นประจำ หรือหากคุณคิดจะใช้น้ำมันดอกคำฝอยทาผิว ให้คุณทดลองทำ Patch test เพื่อดูว่าแพ้หรือไม่